จ้างผู้รับเหมามาถมดิน เพื่อก่อสร้างบ้าน ไม่มีสัญญาฟ้องร้องบังคับคดีได้หรือไม่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ ในฐานะกรรมการจัดการของจำเลยที่ ๑ ได้ว่าจ้างโจทก์ถมดินคิดเป็นเงินค่าจ้าง ๙๗,๘๕๐ บาท โจทก์ได้ถมดินให้เรียบร้อยแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ยอมจ่ายเงินให้ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยทั้งสองให้การว่า อำนาจกรรมการของจำเลยที่ ๑ ตามที่จดทะเบียนไว้ ต้องมีสามนายร่วมกันลงลายมือชื่อในเอกสารสำคัญแทนบริษัท และต้องประทับตราของบริษัทด้วย จำเลยที่ ๑ ไม่เคยจ้างโจทก์ถมดิน ใบสั่งที่จำเลยที่ ๒ ออกให้แก่โจทก์ ก็ออกให้โดยโจทก์ขอร้อง และลงชื่อกรรมการนายเดียว ถือไม่ได้ว่าเป็นลายมือชื่อของบริษัท และกิจการตามใบสั่งนี้อยู่นอกเหนือวัตถุประสงค์ของบริษัท จึงไม่ผูกพันทั้งจำเลยที่ ๑ และที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียวต้องรับผิด จำเลยที่ ๒ กระทำการแทนจำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิด จึงให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๒ ได้จ้างโจทก์ถมดินโดยกระทำการแทนจำเลยที่ ๑ จริง และใบสั่งที่จำเลยที่ ๒ ออกให้โจทก์นั้น จำเลยที่ ๒ กระทำการเป็นตัวแทนบริษัทจำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องมีกรรมการของบริษัทจำเลยที่ ๑ อีก ๒ คนลงชื่อและประทับตรา เพราะมิใช่เอกสารที่ผู้แทนบริษัทจำเลยที่ ๑ กระทำ แม้สัญญาจ้างถมดินจะมิได้ทำเป็นหนังสือ จำเลยที่ ๑ ก็ต้องรับผิด เพราะสัญญาเช่นนี้กฎหมายมิได้บังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือ หรือมีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด
พิพากษายืน.
สรุป
จำเลยที่ 1 เป็นบริษัทจำกัด จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการจัดการ จำเลยที่ 2 ได้ออกใบสั่งให้โจทก์ถมดินให้จำเลยที่ 1 โดยลงชื่อในใบสั่งนั้นคนเดียว แม้ตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 จะมีว่า “กรรมการสามนายร่วมกันลงลายมือชื่อในเอกสารสำคัญแทนบริษัทและต้องประทับตราสำคัญของบริษัทด้วย” ก็ตาม การกระทำของจำเลยที่ 2 ก็ผูกมัดให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิด เพราะถือว่าจำเลยที่ 2 กระทำการเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 และใบสั่งมิใช่เอกสารที่ผู้แทนจำเลยที่ 1 กระทำ
สัญญาจ้างถมที่ดินไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือ หรือมีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด.