ฟ้องส่วนแบ่งจากรายได้ตามสัญญา มีอายุความกี่ปี
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าปรับฐานผิดสัญญาก่อสร้างอาคารเป็นเงิน ๒๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จนกว่าจะสิ้นสุดคดีแก่โจทก์ ให้จำเลยขนย้ายเครื่องมือและอุปกรณ์การก่อสร้างตลอดจนสิ่งของที่ใช้และเหลือใช้ออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า คำฟ้องของโจทก์แสดงว่าจำเลยละเมิดสัญญาทำให้ให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โดยโจทก์รู้ถึงเหตุแห่งการละเมิดตั้งแต่ปี ๒๕๓๔ แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องเกิน ๑ ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คำฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ ๕๐,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นเงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๓๙) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยขนย้ายเครื่องมือและอุปกรณ์การก่อสร้างตลอดจนสิ่งของที่ใช้และเหลือใช้ออกไปจากที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โจทก์ว่าความเองในศาลชั้นต้น จึงไม่กำหนดค่าทนายความให้ ส่วนในศาลอุทธรณ์แม้โจทก์จะขอถอนทนายความแต่เป็นการขอถอนภายหลังจากที่ทนายความได้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้โจทก์แล้ว จึงกำหนดค่าทนายความ ๒๐,๐๐๐ บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คำฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด เมื่อโจทก์ฟ้องคดีพ้น ๑ ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คำฟ้องโจทก์เป็นอันขาดอายุความ เห็นว่า ตามข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยในสัญญามัดจำปลูกสร้างอาคาร สัญญาปลูกสร้างอาคารยกสิทธิฉบับเขียนด้วยลายมือ และสัญญาก่อสร้างอาคารยกสิทธิฉบับตัวพิมพ์ เป็นสัญญาที่จำเลยตกลงจะปลูกสร้างอาคารต่าง ๆ ตามข้อสัญญาลงในที่ดินของโจทก์ โดยให้โจทก์และจำเลยได้รับส่วนแบ่งจากรายได้ตามสัญญา ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยในสัญญามีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดหนึ่งนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๓ ซึ่งมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยผิดสัญญา ต้องใช้เบี้ยปรับแก่โจทก์ตามสัญญา เป็นการที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเนื่องมาจากจำเลยผิดสัญญา ไม่ใช่ฟ้องเรื่องจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๐ คำฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ?
พิพากษายืน โจทก์แก้ฎีกาเอง จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.
สรุป
สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาที่จำเลยตกลงจะปลูกสร้างอาคารต่าง ๆ ลงในที่ดินของโจทก์ โดยให้โจทก์และจำเลยได้รับส่วนแบ่งจากรายได้ตามสัญญา ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดหนึ่งนอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน ป.พ.พ. บรรพ 3 ซึ่งมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยผิดสัญญา ต้องใช้เบี้ยปรับแก่โจทก์ตามสัญญา เป็นการที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเนื่องมาจากจำเลยผิดสัญญา ไม่ใช่ฟ้องเรื่องจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30