ฟ้องเรียกร้องค่าจ้างผู้รับเหมารายใหม่ จากผู้รับเหมาที่ผิดสัญญาทำได้หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2499
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์สร้างตึกแถว ๒ ชั้น ๒๑ ห้องในที่ของจำเลย ๆ มีหน้าที่จ่ายเงินค่าก่อสร้างเป็นงวด ๆ รวม ๒๕๖๑๐๐ บาท โจทก์สร้างแล้วจำเลยไม่จ่ายเงินงวด ๔,๕ ให้แต่เมื่อหักหนี้ที่โจทก์ยืมแล้วโจทก์คงมีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยอีก ๘๖,๑๐๐ บาท
จำเลยให้การว่าโจทก์ผิดสัญญาและฟ้องแย้งเรียกเงิน ๔๘,๑๘๐.๔๑ บาท ที่ได้จ่ายเกินไปเพราะโจทก์ผิดสัญญา
โจทก์แก้ว่าฟ้องแย้งไม่จริงโจทก์ปฏิบัติตามสัญญาแล้วและว่าฟ้องแย้งเคลือบคลุม
ศาลแพ่งพิพากษาหักกลบลบกันแล้วโจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลย ๙๙,๐๐๐ บาท แต่ฟ้องเรียกเพียง ๘๖,๐๐๐บาท จึงให้จำเลยใช้ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาทำไม่เสร็จงานงวด ๔,๕ ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยนั้นสำหรับห้อง ๒๐ ห้องนั้น จำเลยไม่เสียหายฟ้องแย้งโจทก์ไม่ได้ ส่วนห้องที่ ๒๑ จำเลยทำเป็นพิเศษ และสืบไม่ได้ว่าเสียหายเท่าใดจึงไม่ควรได้ค่าเสียหายพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งทั้งสองฝ่าย
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องทำตามสัญญา มีหน้าที่จะต้องจัดหาสิ่งก่อสร้างมาให้คนงานทำในตอนหลังนี้โจทก์สามารถจะชำระค่าแรงงานให้แก่นายยมหิน บอกว่าไม่มีเงินก็ต้องแปลว่าหยุดงานได้ส่วนสิ่งของที่จะต้องก่อสร้างต่อไปโจทก์ไม่มีเงินจะซื้อหาก็ย่อมเป็นอันเห็นได้ว่าโจทก์ไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามสัญญาเสียแล้ว เรียกได้ว่าโจทก์ เป็นผู้ผิดสัญญาในการที่ไม่ทำการให้เสร็จตามสัญญา โจทก์ย่อมมิอาจที่จะถือเอาประโยชน์ของการที่จำเลยจัดหาสิ่งก่อสร้างและจ่ายค่าจ้างแก่นายยมหินในระยะหลังนี้มาเป็นการกระทำของตนได้ พิพากษายืน
สรุป
เมื่อผู้รับเหมาก่อสร้างมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาต้องจัดหาสิ่งก่อสร้างและให้คนงานทำ ครั้นตอนหลังไม่สามารถชำระค่าแรงแก่ผู้ก่อสร้างก็แปลว่าหยุดงานได้ กับทั้งไม่มีเงินซื้อสิ่งของที่จะก่อสร้างต่อไป ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้รับเหมาไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญา จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ผิดสัญญาที่ไม่ทำการให้เสร็จตามสัญญา
ในกรณีที่ผู้รับเหมาผิดสัญญาแล้วจนผู้ว่าจ้างจัดหาสิ่งก่อสร้างและจ่ายค่าจ้างแก่ผู้ก่อสร้างที่เขาเคยจ้างไว้ต่อไปเช่นนี้ผู้รับเหมานั้นหาอาจถือเอาประโยชน์มาเป็นการกระทำของตนได้ไม่