หลักในการวินิจฉัย เรื่องการดำเนินคดีซ้ำในคดีก่อสร้าง ศาลฎีกาวางหลักไว้อย่างไร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13141/2557
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,236,008 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย โดยอ้างว่ากรณีเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 เนื่องจากประเด็นข้อพิพาทคดีนี้ ศาลแพ่งธนบุรีได้วินิจฉัยและมีคำพิพากษาแล้ว ตามคดีผู้บริโภคหมายเลขแดงที่ ผบ. 480/2553
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่า การพิจารณาคดีนี้มิใช่เป็นกรณีการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ เพราะคดีไม่ได้มีประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกันกับคดีผู้บริโภคหมายเลขแดงที่ ผบ. 480/2553 ของศาลแพ่งธนบุรี ซึ่งจำเลยฟ้องโจทก์ว่าผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างและเรียกค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติได้ว่า หลังจากที่โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้แล้ว จำเลยในคดีนี้ได้ยื่นฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยต่อศาลแพ่งธนบุรี ในคดีผู้บริโภคหมายเลขแดงที่ ผบ. 480/2553 เรียกให้โจทก์ในคดีนี้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการที่โจทก์ผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านพิพาท ซึ่งศาลแพ่งธนบุรีได้มีคำพิพากษาว่าโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวเป็นฝ่ายผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านพิพาท ให้โจทก์ในคดีนี้ชำระเงิน 1,242,166.10 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดังกล่าว โจทก์ในคดีนี้อุทธรณ์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีผู้บริโภคหมายเลขแดงที่ ผบ. 480/2553 ของศาลแพ่งธนบุรีหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยรับผิดชำระเงินค่างวดงานตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านพิพาท ส่วนคดีผู้บริโภคหมายเลขแดงที่ ผบ.480/2553 ของศาลแพ่งธนบุรี จำเลยในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องเรียกให้โจทก์ในคดีนี้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการที่โจทก์ผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านพิพาท ซึ่งมีประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยในประเด็นอย่างเดียวกันว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านพิพาท เมื่อศาลแพ่งธนบุรีมีคำพิพากษาวินิจฉัยชี้ขาดคดีให้โจทก์ต้องรับผิดต่อจำเลยแล้ว ฟ้องโจทก์ในประเด็นดังกล่าวจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ถึงแม้ว่าโจทก์จะได้ฟ้องคดีนี้ไว้ก่อนคดีของศาลแพ่งธนบุรีก็ตาม แต่เมื่อศาลแพ่งธนบุรีได้พิพากษาชี้ขาดคดีแล้ว กรณีจึงต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติดังกล่าวด้วยเช่นกัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย แต่เมื่อคดีนี้โจทก์กับจำเลยต่างเป็นคู่ความเดียวกันกับคู่ความในคดีผู้บริโภคหมายเลขแดงที่ ผบ.480/2553 ของศาลแพ่งธนบุรี โดยคดีนี้กับคดีดังกล่าวต่างมีประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านพิพาท แม้ในคดีผู้บริโภคดังกล่าวศาลแพ่งธนบุรีพิพากษาว่า จำเลยซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้เป็นฝ่ายผิดสัญญา แต่คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด หากในชั้นที่สุดศาลฟังข้อเท็จจริงเป็นประการใด ผลของคำพิพากษาในคดีดังกล่าวย่อมผูกพันทั้งโจทก์และจำเลยในคดีนี้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ทำให้คดีนี้ยังมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยต้องชำระค่าก่อสร้างงวดที่ 4 และค่าก่อสร้างงวดที่ 5 บางส่วนแก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด ดังนั้น หากให้รอฟังผลคดีผู้บริโภคหมายเลขแดงที่ ผบ.480/2553 ของศาลแพ่งธนบุรี ให้ถึงที่สุดเสียก่อนแล้วพิพากษาคดีต่อไป ย่อมทำให้ความยุติธรรมในคดีนี้ดำเนินไปด้วยดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นมานั้น ศาลฎีกาคงเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน โดยให้ศาลชั้นต้นรอฟังผลในคดีผู้บริโภคหมายเลขแดงที่ ผบ.480/2553 ของศาลแพ่งธนบุรี จนกว่าคดีดังกล่าวจะถึงที่สุด แล้วพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
สรุป
คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยรับผิดชำระเงินค่างวดงานตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านพิพาท ส่วนคดีผู้บริโภคหมายเลขแดงที่ ผบ.480/2553 ของศาลแพ่งธนบุรี จำเลยในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องเรียกให้โจทก์ในคดีนี้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการที่โจทก์ผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านพิพาท ซึ่งมีประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยในประเด็นอย่างเดียวกันว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างบ้านพิพาท เมื่อศาลแพ่งธนบุรีมีคำพิพากษาวินิจฉัยชี้ขาดคดีให้โจทก์ต้องรับผิดต่อจำเลยแล้ว ฟ้องโจทก์ในประเด็นดังกล่าวจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 แต่เมื่อคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด หากในชั้นที่สุดศาลฟังข้อเท็จจริงเป็นประการใด ผลของคำพิพากษาในคดีดังกล่าวย่อมผูกพันทั้งโจทก์และจำเลยในคดีนี้ด้วยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ทำให้คดีนี้ยังมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยต้องชำระค่าก่อสร้างแก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด ดังนั้น หากรอฟังผลคดีผู้บริโภคหมายเลขแดงที่ ผบ.480/2553 ของศาลแพ่งธนบุรีให้ถึงที่สุดเสียก่อนแล้วพิพากษาคดีต่อไปย่อมทำให้ความยุติธรรมในคดีนี้ดำเนินไปด้วยดี